สรุปประเด็นสำคัญ
– ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2565 ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการคำนวณดอกเบี้ยใหม่ โดยยังคิดอัตราดอกเบี้ยแบบ “เงินต้นคงที่” (“Flat Rate”) ไม่ได้เปลี่ยนเป็นการคิดแบบ “อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี” (“Effective Interest Rate”) หรือลดต้นลดดอกแต่อย่างใด
– โดยปกติการคำนวณค่างวดสินเชื่อเช่าซื้อ ผู้ประกอบการจะคิดอัตราดอกเบี้ยแบบ Flat Rate ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อให้การคำนวณค่างวดมีจำนวนเท่ากันทุกงวด แต่ในการบันทึกบัญชีเพื่อรับรู้รายได้ดอกเบี้ยจะแปลงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในรูปแบบ Effective Interest Rate ตามมาตรฐานการบัญชี ดังนั้น สคบ. จึงประกาศให้ผู้ประกอบการจัดทำตารางแนบท้าย และแสดงอัตราดอกเบี้ยแบบ Effective Interest Rate เพื่อให้ผู้เช่าซื้อทราบว่าต้นทุนทางการเงินที่แท้จริงอยู่ที่เท่าใด ก่อนที่จะตัดสินใจขอสินเชื่อ
– ตามประกาศฉบับล่าสุดยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการปิดสัญญาเช่าซื้อก่อนกำหนด กล่าวคือ การโปะหนี้สินเชื่อเช่าซื้อจะสามารถทำได้กรณีเดียว คือการโปะหนี้แบบคราวเดียวเพื่อปิดบัญชีเท่านั้น ผู้เช่าซื้อจะไม่สามารถโปะหนี้เพื่อลดจำนวนเงินต้นเหมือนสินเชื่อบ้านได้
สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย – 8 พ.ย. 65
ด้วยมีการเผยแพร่เกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ย ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อ รถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2565 ว่าต่อไปจะให้คิดดอกเบี้ยเป็นแบบ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective interest Rate) หรือที่เข้าใจกันว่าเป็นการลดต้นลดดอก จะสามารถประหยัดดอกเบี้ยและสามารถโปะได้เหมือนการผ่อนบ้านนั้น สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยขอเรียนว่า ไม่ได้มีการเปลี่ยนระบบการคำนวณดอกเบี้ยใหม่แต่อย่างไร เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ สมาคมธุรกิจเช่าชื่อไทย ขอเรียนว่า
การคิดดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดให้สินเชื่อเช่าซื้อมีการคิดแบบ flat rate ซึ่งเป็นการคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ตลอดอายุสัญญา เพื่อให้การคำนวณอัตราการผ่อนชำระให้มีจำนวนเท่ากันทุกงวด โดยมีทั้งดอกเบี้ยและต้นเงินในแต่ละงวด แต่ในการบันทึกบัญชีและการเสียภาษีอากรนั้นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 17 (ฉบับปรับปรุง 2559) เรื่องสัญญาเช่า โดยสภาวิชาชีพบัญชีแห่งประเทศไทย กำหนดให้การรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสัญญาเช่าซื้อต้องคำนวณโดยวิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติตามปกติที่สถาบันการเงินหรือนิติบุคคลที่ทำธุรกิจเช่าซื้อจะต้องแปลงจาก flat rate มาคำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) เพื่อใช้เป็นฐานในการคำนวณดอกเบี้ยรายเดือน
กล่าวคือ ค่างวดที่ชำระมาจะนำไปหักดอกเบี้ยก่อน ที่เหลือจะหักเป็นต้นเงิน ซึ่งงวดนั้น ๆ จะมีดอกเบี้ยมากว่าต้นเงิน และงวดท้าย ๆ จะมีต้นเงินมากกว่าดอกเบี้ย เมื่อชำระครบ ต้นเงินก็จะถูกหักชำระครบด้วยเช่นเดียวกับการผ่อนบ้าน ฉะนั้นการที่ สคบ. ประกาศให้ระบุการคิดดอกเบี้ยและการจัดทำตารางแนบท้าย โดยให้ระบุการคิดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) นั้น ก็เพื่อให้ทราบว่าการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบ flat rate (แบบคงที่ตลอดอายุสัญญา) นั้น เมื่อนำมาคำนวณแบบที่แท้จริงต่อปี (Effective interest Rate) หรือที่เรียกกันว่า แบบลดต้นลดดอกนั้น ในทางปฏิบัติตามบัญชีนั้นอยู่ในอัตราเท่าใด เพื่อที่ประชาชนจะได้ทราบอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง และใช้ในการตัดสินใจในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินนั้น ๆ ต่อไป
ประการที่สอง เรื่องการโปะหนี้สินเชื่อเช่าซื้อ โดยเมื่อผู้เช่าซื้อ หากมีเงินคงเหลือในบางช่วงเวลา สามารถมาโปะเพื่อลดภาระหนี้เหมือนสินเชื่อบ้านได้หรือไม่นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคกำหนดชัดในประกาศฉบับใหม่นี้ ยังคงให้มีการผ่อนชำระและนับเวลาตามจำนวนงวด ผู้เช่าซื้อคงไม่สามารถมาโปะเหมือนสินเชื่อบ้านได้ ซึ่งการโปะหนี้สินเชื่อเช่าซื้อนั้น จะโปะได้กรณีเดียวคือโปะเพื่อปิดบัญชี โดยการชำระเงินคราวเดียวเพื่อปิดบัญชีเท่านั้น
ดังนั้น การคิดดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อและแนวปฏิบัติการชำระหนี้เช่าซื้อรายงวด ตามประกาศ สคบ. ฉบับใหม่ ปี 2565 จึงไม่ได้แตกต่างกับประกาศ สคบ.ฉบับที่ผ่านมา
ข้อมูลจาก : สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย บทความเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 65
หุ้นกู้ที่เกี่ยวข้อง : MICRO, SGF, SAWAD, SINGER